
Online
18 มี.ค. 2566
|
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หน.ชุด PCT5 เร่งสืบสวนแกะรอย น.ส.วันเพ็ญ หรือ กวินา อายุ 34 ปี ภูมิลำเนาจ.นครสวรรค์ เจ้าแม่ "แชร์ทอง"หลังก่อเหตุฉ้อโกงประชาชนด้วยการหลอกลวง "ขายทอง"
สำหรับน.ส. วันเพ็ญ พบมีพฤติกรรม ตั้งแต่ปี ปลายปี 2563 ต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2564 ไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊ก โฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนในการ "ขายทอง" โดยอ้างว่าจะนำทองมาจากต่างประเทศ โดยสามารถสั่งนำเข้ามาได้ในราคาเพียงบาทละ 3,000-4,000 บาท ซึ่งถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปมาก
ต่อมาได้มีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อและโอนเงินมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยน.ส.วันเพ็ญได้ใช้วิธีการส่งทองหรือจ่ายเงินตอบแทนให้กับผู้สั่งซื้อหรือร่วมลงทุนใน 2-3 ครั้งแรก ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น ทำให้ยิ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมการลงทุนจำนวนหน้าใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาก
จากการตรวจสอบการทำธุรกรรมต่างๆก็ไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆเลย โดย พล.ต.ต.ธีรเดช ได้วิเคราะห์ข้อมูลพบร่องรอย จากแผนประทุษกรรมการช่วงการก่อเหตุที่ผ่านมา ได้พบตัวละคร สำคัญที่มีหน้าที่ดำเนินการธุรกรรมให้ น.ส. วันเพ็ญ จึงได้สั่งชุดสืบสวนลงพื้นที่แยกกันแกะรอยตามเบาะแสที่ได้รับ พบข้อมูลน.ส.วันเพ็ญหนีไปกบดานในพื้นที่ จ.สระบุรี
ต่อมาชุด PCT5 ได้พบเบาะแสสำคัญจากร้านอาหารในละแวกพื้นที่กบดานคือ หนังควาย ซึ่งเป็นอาหารที่ น.ส.วันเพ็ญ ชอบทานทำให้ตามแกะรอยได้จากร้านอาหารไปจนถึงที่ซ่อนกบดาน พบเป็นเซฟเฮ้าส์ลับ มีรั้วสูงล้อมรอบมิดชิด ภายในชนบทใกล้เขาใหญ่ จึงได้นำกำลังดักซุ่ม บริเวณป่าข้างทางใกล้กับเซฟเฮ้าส์ลับดังกล่าว
จนกระทั่งพบน.ส.วันเพ็ญ จึงได้เข้าจับกุมตัวตามหมายจับ พร้อมยึดของกลางเป็น โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง เบื้องต้นพบข้อมูลการตั้งวงแชร์อีกหลายวง พร้อมด้วยสมุดบันทึก 1 เล่ม และซองใส่ซิมอีก 5 ชิ้น
ช่วงแรกยังไม่ขาดทุนเพราะยังหาคนที่อยากลงทุนออมทองต่อเนื่องลงเงินออมเพิ่ม และนำเงินส่วนต่างไปเพิ่มเติมในยอดเงินที่ขาดเพื่อให้สามารถ ซื้อทองคำในราคาเต็มได้และส่งจัดส่งทองคำที่ได้สั่งซื้อมาให้ผู้ลงทุนคนแรกๆ จึงทำให้น่าเชื่อถือว่าลงทุน จำนวนเงินน้อย แต่สามารถซื้อทองจริงได้ต่อมาในช่วงเวลาที่มีผู้คนสนใจมากที่สุด มีลูกค้าจำนวนประมาณ 100 คน
หลังจากนั้นเมื่อประมาณ ต้นปี 2564 เริ่มเกิดปัญหา เนื่องจากไม่สามารถหาผู้ลงทุนใหม่ๆ มาลงทุนต่อได้ จึงได้เริ่มลดราคาโดยเปิดให้เริ่มออมทองในราคาบาทละ 8,000 บาท จากราคาเต็มประมาณ 30,000 บาท(ในขณะนั้น) เพื่อทำให้เกิดความน่าสนใจ
ต่อมามีผู้มาร่วมลงเงินออมทองจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่สามารถหมุนเวียนเงินได้ เพราะต้องนำเงินมาทบยอดไปมา จากลูกค้าหลายคนจนไม่สามารถซื้อทองให้ครบตามจำนวนของผู้ที่ลงทุนได้ จึงได้เริ่มมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี จากนั้นก็เริ่มย้ายที่อยู่และเปลี่ยนชื่อนามสกุลจริงเพื่อหลบหนี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวที่น่าสนใจ
เพิ่ม คมชัดลึก ออนไลน์
ลงในหน้าจอหลักของคุณ